
เที่ยวกันอีกแล้วค่า พี่น้อง คราวนี้เราพาซิ่งไปยังจังหวัดลพบุรี
อันได้ชื่อว่า โดดเด่นเรื่องดอกทานตะวัน และ กองทัพฝูงลิง
เนื่องจากช่วงนี้ เป็นฤดูกาลดอกทานตะวันบาน ซึ่งเราไปในช่วงจัดงาน
"ทุ่งทานตะวันบาน ณ เขาจีนแล"
ระหว่างวันที่ 2 - 12 ธันวาคม ของทุกปี
ทำไมถึงเลือกเขาจีนแล "เขาจีนแล" ได้ชื่อว่าเป็นทุ่งทานตะวันที่ใหญ่
ที่สุดของไทย มีพื้นที่กว่า 1,400 ไร่ สุด ๆ เต็มๆ ตา ทั้งสองฝั่งซ้าย-ขวา
โดยมีฉากหลังเป็นภูเขา สวยๆ
เทศกาลกินลมชมดอกทานตะวันเริ่มกันแล้ว ตามเรามาชม
ทุ่งทานตะวันกันได้เลยค่า


การเดินทางของเราในครั้งนี้ ขับออกทางด่วนวงแหวน
ออกทางวังน้อย อยุธยา และตรงไปทางสระบุรี
ก่อนมีทางแยกซ้ายเลี้ยวไปทางจังหวัดลพบุรีขับตรงมาเรื่อย ๆ
ก่อนเข้าตัวเมืองลพบุรี
จะเจอ 3 แยก ที่บอกทางไป อำเภอพัฒนานิคม (ทางหลวงสาย 3017)
ก็เลี้ยวขวาเข้าไป ประมาณไม่เกิน 5 กิโลเมตรก็ถึง
(ถามทางกะคนแถวนั้นอีกทีหนึ่งนะ อิอิ)
มีป้ายบอกเลี้ยวซ้ายร้านกาแฟเปิดใหม่แนววินเทจร้านหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้)
ตรงนั้นเป็นจุดเริ่มต้นทางเข้าของเขตทุ่งทานตะวันเขาจีนแลแล้วล่ะค่ะ ^^




เย้ !! ~
มาถึงกันแล้ว ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล
ที่ใหญ่ที่สุดของไทย พอมาเห็นเต็มๆ ตาวันนี้ ว้าว!!
หาดอกสวยๆ เก็บภาพกัน
แต่ก็ไม่ค่อยเจอดอกสวย ๆ เลยนะ 555+
บวกกับอากาศ ฟ้าอึมครืมแล้วด้วย
แต่คนยังไม่เซ็งเท่าฟ้าหรอกค่า
สองฝั่งซ้ายขวา ที่มีแต่ดอกทานตะวัน
เล็กใหญ่ ปลูกสลับกันไป
อ้อ มีหน่วยบริการของทหารด้วย
เก็บค่าเข้าชมเป็นคันรถนะคะ
คันละ 20 บาท

ถ่ายรูป ถ่ายรูป และก็หามุมถ่ายรูป
ภาพในบล็อกนี้ ฟ้าหมองๆ เราก็ปรับมั่วๆ เพราะไม่รู้เรื่องกล้องกะเค้าเลยค่า
พอมาปรับในคอมอีกเพี้ยนไปหมด
ก็เลยไม่รู้จะแก้อย่างไรแล้ว อิอิ


ถ่ายแนวตั้งมา 7 ช็อตมาต่อพานอฯ แบบขาดๆ เกินๆ ดอกทานตะวันไร่ลึกข้างบนเข้ามาอีก
ดอกใหญ่ และบานมากกว่ามาก เต็ม ๆตา จริงๆนะ




ภายในบริเวณงาน มีร้านขายของที่ระลึกเพียบค่ะ มีบริการขี่ม้า และรถไฟชมทุ่งทานตะวันด้วย
เราซื้อเมล็ดทานตะวันคั่วเกลือมาถุงใหญ่อร่อยมาก สดๆ ตรงนั้นเลย ^^ ก่อนที่จะขับรถเข้าไปยังเขตวัดเวฬุวัน(เขาจีนแล)
เราก็มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวและส้มตำร้านตรงนี้แหละถึงได้รู้ว่า ต้องเข้าไปข้างในอีกจะมีทุ่งทานตะวันอลังการกว่านี้มาก
(จากการบอกเล่าของพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว)
เอ้า...คราวนี้เดินทางไปกันต่อ
ขึ้นวัดกัน
จริงๆ ก็ไม่ได้เดินไกลหรอก
แค่เดินลงออกมาจากรถเอง อิอิ
ปากทางเข้าวัดเป็นประตูหนุมาน
ลอดค่า ลอดกันหน่อย
ภายในวัด เขตสำรวม
และความสงบ
ฉะนั้น เราก็กระโตกกระตากไม่ได้เอ้ย เสียงดังไม่ได้
ได้แต่เดินไปอย่างนิ่งๆ
มีบันไดทางขึ้นไปไหว้พระข้างบนด้วยนะคะ
เราก็ขึ้นไปถึงแล้ว
ถึงค่ะ แต่ประตูปิดอะ ( _ _")


นี่ไง ตรงนี้เป็นวิหารของวัด
เข้าไปกราบพระกันสักหน่อย ก่อนเดินออกมา
ภายในวัดมีนักท่องเที่ยวเข้ามากันพอประมาณ
ไม่ถึงกับเยอะมาก
ดูเงียบๆ ยังไงก็ไม่รู้
ก็ถึงได้บอกไงว่า
"วัด คือเขตปลอดเสียง"




จุดต่อไปที่เราจะพาไปเที่ยวกันต่อ
คราวนี้ขับรถเข้าในเมืองแล้วนะคะ
"พระปรางค์สามยอด"
เข้ามาแล้วอึ้ง โห เพื่อนเรามาอยู่ที่่นี่กันเยอะแฮะ
ต้องไปเซย์ฮัลโหลทักทายกันเสียหน่อย
ในฐานะเจ้าบ้าน เค้าเตรียมการต้อนรับเราอย่างไร
ไปดูกัน >"<



ปรางค์สามยอดมีลักษณะเป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ มีฉนวนทางเดินเชื่อมติดต่อกัน พระปรางค์สามยอดเป็นศิลปะเขมรแบบบายน ซึ่งมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 สร้างด้วยศิลาแลง และตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม เสาประดับกรอบประตูแกะสลักเป็นรูปฤาษีนั่งชันเข่าในซุ้มเรือนแก้ว ซึ่งเป็นแบบเฉพาะของเสาประดับกรอบประตูศิลปะเขมรแบบบายน ปรางค์องค์กลางมีฐาน แต่เดิมเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและมีเพดานไม้เขียนลวดลายเป็นดอกจันสีแดง ด้านหน้าทางทิศตะวันออกมีวิหารสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ลพบุรีเป็นเมืองของพระนารายณ์มหาราช แล้วมีลิงมากมายมาจากไหนกัน !!

เมื่อขึ้นมายังพระปรางค์สามยอด
ฝนเริ่มลงเม็ดค่ะเลยต้องเก็บกล้องใหญ่ไว้
คว้ากล้องเล็กมากดถ่ายรูปลิงกัน
ส่วนใหญ่จะเจอแต่ลิงตัวเล็ก ซนๆ คิดว่า
คงอยากเล่นกับเราอะนะ
กระโดดขึ้นมาเกาะหลังเราหลายตัวเลย 555+
เราทำอย่างไรน่ะเหรอ กรี๊ดสิคะพี่น้อง
เพราะบางตัวมันก็มากัดเราด้วย
ดีที่ใส่เสื้อยีนส์หนาไป
สะบัดแขนออก ลิงปลิวว่อนทันที ฮรี่ๆ


เห็นยิ้มๆ อยู่ ไม่ใช่อะไรหรอก
เพิ่งรบกับลิงมา แต่ก็มีอีกตัว ไวมากกก
กระโดดรั้งผมเรา
คว้าหมับ เอาผ้ามัดผมเราไปเคี้ยวตุ้ยๆ แระ
เราตะโกนบอกว่ากินไม่ได้ กินไม่ได้ก็ไม่เชื่อ
ท่ามกลางสายตา คนแถวนั้นมองกันใหญ่
ว่า ยัยคนนี้พูดกับลิงรู้เรื่องด้วยเหรอเนี่ย อิอิ

