สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - admin

หน้า: 1 ... 41 42 [43]
631

ทางด้านอาจารย์ต่อ ได้ออกมาเผยเคล็ดลับและเทคนิคดีๆและบอกเลยว่าไม่มีใครออกมาบอกกันฟรีๆแบบนี้ แต่พอดีว่าอาจารย์ต่อเป็นคนที่ใจดี เลยออกมาบอกและให้ศึกษากันแบบละเอียดโดยไม่ต้องเสียเงินสักแดงเดียวเลย สำหรับการเลี้ยงกุ้งแม่น้ําในบ่อซีเมนต์ เราจะต้องเตรียมตัวอย่างไร จะต้องลงทุนอะไรบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่าว่าคุณสามารถทำได้หรือไม่
และด้วยราคาที่แพง รสชาติที่อร่อยของกุ้งแม่น้ำ เป็นที่หายากมากๆในปัจจุบันนี้ จึงทำให้ราคากุ้งแม่น้ำนั้นขยับตัวสูงขึ้นจากกิโลกรัมละประมาณ 300 กว่าบาท จนทุกวันนี้ราคากุ้งแม่น้ำสูงถึง 800 ถึง 1,500 บาทแล้ว แค่ได้ยินราคาก็พอจะคิดไอเดียออกแล้วสินะครับว่าจะต้องลองเลี้ยงหรือไม่อย่างไร
ในหัวข้อนี้ผมใช้ลูกกุ้งขนาด 5-7 ซม. จำนวน 200 ตัว
1 บ่อปูนขนาด 3×3 เมตร ลึก 60 ซม.
2 เครื่องทำอ๊อกซิเจนแบบ 2 รู (ราคาประมาณ 380-400 บาท)
3 สายยางอากาศ
– ยาว 6 เมตร (แบ่งเป็นเส้นละ 1.50 เมตร 4 เส้น)
– ยาว 2 เมตร (แบ่งเป็นเส้นละ 1 เมตร 2 เส้น)
 
 
4 ตัวแยก 3 ทาง 2 อัน
5 หัวทราย 4 หัว
นำสายยางอากาศเส้นละ 1 เมตร ต่อเข้าเครื่องทำอ๊อกซิเจนรูละเส้น แล้วใส่ตัวแยก 3 ทางข้างละเส้น หลังจากนั้นใส่สายยางอากาศเส้นละ 1.50 เมตรที่บริเวณปลาตัวแยกแต่ละปลาย สุดท้ายปลายสายยางก็ใส่หัวทราย ปลายละหัว ก็จะได้ชุดจ่ายอ๊อกซิเจนเรียบร้อย
6 อาหารอนุบาลกุ้ง
– อาหารเม็ด หาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสัตว์ทั่วไป บอกเขาว่าอาหารสำหรับกุ้งลงเดิน
– อันนี้จะใช้ไม่ใช้ก็ได้ครับ อาหารสด ไรแดง อันนี้ยากหน่อยหาได้ก็ดี หาไม่ได้ก็ซื้อตามร้านขายปลาสวยงาม
7 ผงแร่ธาตุ สำหรับช่วยให้กุ้งลอกคราบได้เร็ว มีขายตามร้านขายอาหารสัตว์
8 ท่อพีวีซี สำหรับให้กุ้งหลบซ่อนหรืออาศัย
9 แผ่นกระเบื้องหลังคา สำหรับให้กุ้งหลบอาศัย
10 ลูกกุ้งขนาด 5-7 ซม. ถามว่าทำไมไม่เอาตัวเล็กกว่านี้..?? ตอบครับ..?? เอาแบบอัตราการรอดที่สูงดีกว่า ดูแลเห็นตัวเป็นๆชัดเจนกว่าครับ เอาแบบตัวละ 2-3 มม. มาแทบมองไม่เห็นเลยทีเดียวเลี้ยงไปก็ท้อสิครับ
11 เกลือแกง ถุงละ 10 บาท 2 ถุง ไม่ต้องเน้นยี่ห้อมากนะครับเกลือเค็มทุกถุงครับซื้อถูกๆตามท้องตลาดก็ได้ครับ เอาเพื่อมาจัดการกับสิ่งที่ไม่สะอาดในน้ำเฉยๆครับ
12 วิตามินสำหรับกุ้ง หาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสัตว์ เซเว่น ไม่มีนะครับอย่าเข้าไป
เริ่มเลี้ยงกุ้ง
เติมน้ำลงบ่อปูนให้ได้ขนาดความลึก 50 ซม. หว่านเกลือให้ทั่วบ่อจนหมด 2 ถุง
เปิดเครื่องอ๊อกซิเจนเพื่อเพิ่มอากาศในน้ำ ให้หัวทรายอยู่ตามมุมบ่อทั้งสี่มุม
ทิ้งน้ำไว้ 36-48 ชม. ก่อนปล่อยกุ้ง (ใช้ได้ทั้งน้ำบาดาล น้ำปะปา)
เรียงท่อ พีวีซี หรือกระเบื้องหลังคา ลงบ่อไว้
เตรียมน้ำทิ้งไว้ครบ 48 ชม. ก็ปล่อยลูกกุ้งลงบ่อสิครับรออะไร ค่อยๆวางเขาลงอย่างประณีตบรรจง
อย่าพึ่งให้อาหารกุ้งนะครับ ให้กุ้งอดอาหาร 1 วัน วันถัดไปค่อยให้อาหาร
ในวันถัดมาเริ่มให้อาหารกุ้ง ในจำนวนกุ้งที่ลงเลี้ยงในบ่อนี้ให้วันละ 4 ช้อนพอหว่านรอบๆบ่อ พยายามให้อาหารกุ้งช่วงเย็นๆหรือใกล้มืดจะดีมากๆครับ
แล้วก็ปล่อยกุ้งลงน้ำครบ 7 วัน ให้หว่านแร่ธาตุสำหรับกุ้งลงบ่อ จำนวน 4 ช้อนโต้ะ ทำแบบนี้ทุก 15 วัน
ให้ลองสังเกตุดีดีในบ่อหลังจากให้แร่ธาตุสำหรับกุ้งจะเห็นกุ้งขึ้นมาบอกคราบไว้บนแผ่นกระเบื้องหลังคา นี่ล่ะข่าวดีเพราะกุ้งกำลังจะโต
ให้อาหารกุ้งไปเรื่อยๆ จนครบ 45 วัน ให้เปลี่ยนขนาดของอาหารกุ้งให้เป็นกุ้งขนาด กลาง
ให้อาหารกุ้งขนาด กลางครบ 45 วัน ก็ให้เปลี่ยนขนาดเป็นอาหารกุ้งขนาดใหญ่
ให้อาหารกุ้งขนาดใหญ่ไปอีก 60 วัน
เลี้ยงต่อไปจนครบ 6-7 เดือน ก็น่าจะเริ่มเห็นผลงานแล้วล่ะครับ จะเล็กจะใหญ่อยู่ที่บุญพาวาสนาเกิด ฝีมือของเราล่ะครับ
สำคัญมากๆ ช่วงที่ให้อาหารกุ้งถ้ามีวิตามินอาหารเสริมดีดีก็ใส่คลุกกับอาหารกุ้งได้นะครับ กุ้งจะแข็งแรงโตเร็วดี
วิธีการเปลี่ยนน้ำ
สำหรับท่านที่เข้าใจในระบบน้ำวนก็ดีไป แต่ถ้าสำหรับคนที่ไม่เข้าใจก็ต้องเปลี่ยนน้ำเอาล่ะครับ อาทิตย์ละครั้งหรือเวลาที่เห็นว่าน้ำเริ่มขุ่นก็รีบเปลี่ยนทันที
ควรหว่านแร่ธาตุสำหรับกุ้งทุก 7 วันหรือทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำในบ่อ
ย้ำเลยนะครับ น้ำสะอาด อากาศต้องพอ อาหารอิ่ม กุ้งรอดและโตแน่นอน
อย่าพยายามไปกวนไปส่องดูผลงานบ่อยนะครับ กุ้งชอบความเป็นส่วนตัวมาก เดี๋ยวเขาจะไม่กินอาหาร จะทำให้โตช้านะครับ
มานั่งสมมุติดูว่า
หากคุณมีกุ้งไว้กินในบ้านในช่วงเทศกาลละครั้ง ครั้งละประมาณ 20-30 ตัวจะดีกว่าไหม ผมคิดว่าอิ่มทั้งครอบครัวนะครับ สำหรับอาหารราคาที่ถือว่าแพงในงานเลี้ยงนี้ ถ้าเราทำให้เองก็คงมีประโยชน์มากมาย เพิ่มความสูงเพิ่มบรรยากาศในครอบครัวได้ดีเลยทีเดียว
หรือถ้าหากเราเอาไปขาย ก็ลองตีตัวละประมาณ 50 บาท อันนี้ถือว่าตีราคาต่ำไว้นะครับ อาจจะเป็นรายได้เสริมสำหรับใครหลายคน สำหรับหลายช่องทาง สำหรับครอบครัว ผมนำเสนอข้อมูลจากการที่ผมเลี้ยงจริง และผมหวังว่าประโยชน์ดีๆแบบนี้จะทำให้หลายคนปฏิบัติและทำความเข้าใจ ใครจะเอาความรู้ผมไปใช้ก็สามารถเข้าไปได้เลยผมไม่เคยหวง ขออนุโมทนาบอกบุญสำหรับการนำไปอยู่ดีๆเหล่านี้ไปให้กับทุกคนนะครับ
ขอขอบคุณ : อาจารย์ต่อ ปลาหมอยักษ์

632
50 แบบบ้าน สไตล์โมเดิร์น แต่ละหลังทั้งหมดนี้สร้างด้วยงบ 2-6 แสนบาท
 
พบกันอีกแล้ว กับแบบบ้านสไตล์โมเดิร์นบ้านๆ วันนี้ทาง The Alubum ได้นำเสนอแบบบ้านงามๆ เผื่อเพื่อนๆคนไหน กำลังมองหาไอเดียในการตกแต่งบ้าน ปลูกบ้าน ต่อเติมบ้านอยู่ เซฟเก็บไว้ได้เลยตามสบายครับผม ขอให้ได้บ้านตามฝันนะคุณผู้อ่าน ไปดูแบบบ้านแต่ละหลังกันเลยครับ
2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ในงบ 500,000 บาท
สไตล์เพิง ด้านบนมีช่องรับลม ไอร้อนจากฝ้าเพดาน
เน้นง่ายๆ ไม่หรู ตามแบบชาวบ้าน
มองไกลๆ ดูแล้วหลังเล็กมาก แต่พอเข้าไปข้างใน โล่ง สวยมากจริงๆ
หลังนี้ใช้งบไม่เกิน 370,000 บาท
เกือบๆ 5 แสน งามแท้
แนวคันทรี่ คาวบอย ไม่เกิน 5 แสนแน่นอน
 
ผมไม่ปล่อยให้เมียได้นอนเลย น้องชายผมคึกคัักตลอดคืน
 
เรียบง่าย ประมาณ 480,000 บาท
หลังนี้โทนสบายตา 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 4 แสนปลายๆ
แอดชอบหลังนี้ ดูเรียบๆ ไม่ต้องไปหรูแข่งกับใคร กำลังดีเลยเชียว
ออกแนวร็อคๆ นิดนึง มีใครชอบไหม กดไลน์อันนี้ให้หน่อย จะได้รู้ว่าเราแนวเดียวกัน
หลังนี้ออกแนวขายของ เปิดร้านกาแฟเล็กๆ
บ้านไม้งามๆ เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่
แนวคลาสสิค ด้านนอกเรียบๆ ด้านในโปร่ง เย็นสบาย งบไม่เกิน 5 แสน
ใกล้เสร็จแล้ว งบ 450,000 เองนะ
ติดเพลิงด้านหน้าสักนิดงามแล้ว
ไม่ทาสี ก็สวยแล้ว คิดเหมือนกันไหมเพื่อนๆ
งบ 5 แสนนิดๆ ถือว่าคุ้มค่ามากๆเลย
ภูมิใจ ที่มีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว
สีแสบตาไปหน่อย

ริมน้ำงามๆ ไม่ต้องแพงมากหรอก



เป็นยังไงกันบ้าง กับแบบบ้านที่ทาง The Album หามานำเสนอให้เพื่อนๆได้ชมกัน ถ้าชอบ เซฟเก็บไว้ได้เลยนะ เราไม่หวง เรายินดีมากๆ ที่ได้แบ่งปันเพื่อนๆ
ขอบคุณที่มา  เรียบเรียงโดย : Postsod

633
วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้
-ฟางข้าว หรือ ผักตบชวาแห้ง
-วัสดุเพาะเห็ดชนิดอื่นๆ ที่ผ่านการเพาะมาแล้ว (วัสดุเหลือทิ้ง)
-หัวเชื้ อเห็ดฟาง 1 ก้อน
-ตะกร้าพลาสติก
เกษตรวิธีเพาะเห็ดฟางในตะกร้า ลงทุนไม่ถึง 50 บาท แค่อาทิตย์กว่าเห็ดเริ่มออก
วิธีเพาะเห็ดฟางในตะกร้า ลงทุนไม่ถึง 50 บาท แค่อาทิตย์กว่าเห็ดเริ่มออก
วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้
-ฟางข้าว หรือ ผักต บชวาแห้ง
 
-วัสดุเพาะเห็ดชนิดอื่นๆ ที่ผ่านการเพาะมาแล้ว (วัสดุเหลือทิ้ง)
-หั ว เ ชื้ อเห็ดฟาง 1 ก้อน
-ตะกร้าพลาสติก
 
ขั้นตอนการทำ
-ขั้นแรก นำฟางไปแช่น้ำ 1 คืน แล้วผึ่งให้หมาดๆ ชื้นๆ อีกครึ่งวัน (ให้เหลือความชื้นราว 10 เปอร์เซ็นต์ ลองบีบดูแล้วไม่มีน้ำหยด) ถ้าใช้ผั กตบชวา ก็ต้องเป็นผักต บชวาตากแห้ง นำมารดน้ำ

-จากนั้น นำฟางเรียงก้นตะกร้า (ปูพื้น) โรยด้วยวัสดุเพาะเห็ดชนิดอื่นๆ ที่ผ่านการเพาะมาแล้วและตามด้วยหั ว เ ชื้ อเห็ดฟาง (วัสดุเพาะเห็ดชนิดอื่นๆ ที่ผ่านการเพาะมาแล้วและหั วเ ชื้ อ โรยขอบตะกร้า เพื่อให้ด อ กเห็ดออกตามขอบตะกร้า เป็นชั้นๆ ขึ้นมา)
-ทำซ้ำกัน จนครบ 4 ชั้น เต็มตะร้า โดยชั้นสุดท้าย โรยเต็มพื้นที่ (เพื่อให้ด อ กเห็ดออกด้านบนจนเต็ม)

-ขั้นสุดท้าย ครอบด้วยถุงพลาสติก (เห็ดต้องการความร้อน ชื้น)
-หลังจากผ่านไป 4-5 วัน ให้สังเกต ถ้ามีละอองน้ำเป็นฝ้า เกาะที่ถุง ก็ใช้ได้ แต่ถ้าไม่มีต้องเปิดถุงรดน้ำ
 
-ครบ 9-12 วัน เห็ดเริ่มออก (ช่วงวันที่ 4 ถึงวันที่ 9 อย่าเปิดถุง มิเช่นนั้น ด อ กจะชะงักการเติบโต)
-หลังจากเห็ดออกแล้ว เก็บได้อีก 5 วัน จะได้เห็ดราว 2 กก.

-หากเก็บเห็ดหมดแล้ว วัสดุเพาะเห็ดทั้งหมดมาใช้งานได้ต่ออีก


ขอบคุณที่มา : https://jo-workman.com/

634

ในฤดูฝน บรรดาสัตว์น้อยใหญ่ก็จะออกมาเริงร่าให้ผู้คนจับมาเป็นอาหาร ซึ่งก็มีสัตว์ชนิดหนึ่งที่เริ่มหายากและราคาแพงขี้นทุกที นั่นก็คือ อึ่งอ่าง โดยสายพันธุ์อึ่งที่นิยมกินกันนั้น จะเป็น อึ่งเผ้า อึ่งปากขวด หรืออึ่งโกก หรืออึ่งข้างลายนั้นเอง.เป็นอึ่งชนิดเดียวกัน…ราคานั้นก้ไม่เบาเลย สูงถึง กิโลกรัมละ 200-250 บาท เลยทีเดียว
ด้วยการที่เป็นที่นิยมกินกันมาก จึงทำให้อึ่งเผ้า หรืออึ่งปากขวดนั้นเริ่มหายาก เราจึงขอนำวิธีการเพาะเลี้ยงอึ่งเผ้า มาฝาก
อึ่งปากขวด หรือ อึ่งเผ้า มีลักษณะเฉพาะตัวคือ มีความยาวจากหัวจรดถึงก้นประมาณ 73 มิลลิเมตร ลำตัวอ้วนป้อม มีลักษณะเด่นคือ หน้าสั้นมาก ปากแคบและทู่ไม่มีฟัน ไม่เหมือนกับกบหรืออึ่งอางชนิดอื่น ๆ ตาเล็ก ขาสั้น แผ่นเยื่อแก้วหูเห็นไม่ชัด ลำตัวสีน้ำตาลดำหรือสีเทาดำ ใต้ท้องสีขาว บางตัวอาจมีจุดกระสีเหลืองกระจายอยู่ทั่ว เท้าทั้ง 4 ข้างมีพังผืดเกาะติดอยู่ ใช้สำหรับว่ายน้ำ และมีสันใต้ฝ่าเท้าหลังใช้สำหรับขุดดิน อึ่งปากขวด พบในภูมิภาคอินโดจีน ในประเทศไทยจะพบเฉพาะพื้นที่ที่อยู่เหนือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขึ้นไป
โดยมีพฤติกรรมอาศัยโดยขุดโพรงดินที่เป็นดินปนทรายและอาศัยอยู่ภายใน ในป่าที่มีความชุ่มชื้นใกล้กับพื้นที่ชุ่มน้ำ ในฤดูร้อนจะซ่อนตัวในโพรงแทบตลอด เมื่อฝนตกจะออกมาหากิน โดยหากินในเวลากลางคืน ผสมพันธุ์และวางไข่ในช่วงต้นฤดูฝน โดยจะทำการผสมพันธุ์วางไข่เร็วกว่าอึ่งอ่างหรือกบชนิดอื่น ลูกอ๊อดมีลำตัวป้อมและโปร่งแสง ลำตัวเป็นสีเหลือง มีส่วนบนและส่วนล่างเป็นสีดำ จะหากินอยู่ในระดับกลางน้ำ โดยจะว่ายทำมุมประมาณ 45 องศา อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ไปไหนมาไหนพร้อมกันเป็นฝูง อึ่งปากขวด ปัจจุบัน มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก เพราะการถูกจับมาบริโภคและสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยเปลี่ยนไป
การเลี้ยงอึ่งปากขวด หรืออึ่งเผ้า
ลักษณะบ่อเพาะเลี้ยงอึ่งโกก หรือ อึ่งเผ้า
– บ่อซีเมนต์ ขนาด 2X4X1 เมตร ผนังเรียบ
– พื้นบ่อเป็นทรายละเอียดหนา 50 ซม. อีกฝั่งหนึ่งทำเป็นบ่อน้ำขอบบ่อเสมอกับพื้นดินทราย
– หลังคาคลุมด้วยสแลนท์พลางแสง 80 %
– ขอบบ่อด้านบน วางแผนสังกะสีให้ด้านหนึ่งของสังกะสีเลยเข้ามาในบ่อประมาณ 15 นิ้ว กันอึ่งหนีออกบ่อ
– ติดตั้งสปริงเกอร์ และ หลอดไฟฟ้า ในบ่อ 1 จุด
การเลือกพ่อแม่พันธุ์อึ่ง
พ่อพันธุ์แม่พันธุ์อึ่งนั้น สามารถรวบรวมได้จากธรรมชาติ บริเวณป่าเต็งรัง ป่าโปร่ง ช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน (พบมากในช่วงฝนตกหนักครั้งแรกของฤดูฝน) เมื่อรวบรวมมาได้แล้วให้คัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ดังนี้….
เพศผู้
– ลำตัวมีสีดำเข้มข้างตัวมีลายดำจุดขาว
– ลำตัวเล็ก และ ยาวกว่าเพศเมีย
เพศเมีย
– ลำตัวสั้น และ ใหญ่กว่าตัวผู้
– ข้างตัวมีลายจุดขาวอมเหลือง ผนังท้องบางมองเห็นไข่
– ตัวเมียที่มีไข่เต็มท้องโดยหงายดูที่ท้องจะเห็นไข่ลักษณะสีดำ
วิธีการเพาะพันธุ์อึ่งโกก หรืออึ่งเผ้า
ใช้อัตราส่วนเพศผู้: เพศเมีย (1:1) จำนวน 1 – 2 คู่ ต่ออ่าง ใส่น้ำครึ่งอ่าง เมื่อเห็นไข่ลอยเต็มอ่างภายใน 11 – 12 ชม. ให้แยกพ่อแม่พันธุ์ออกจากอ่าง( แม่พันธุ์ 1 ตัวให้ไข่ 8,000 – 10,000ฟอง)ไข่จะฟักออกเป็นตัวภายใน 24 ชม.
อาหารและการให้อาหารอึ่ง
ใน 3 วันแรกลูกอ๊อดไม่กินอาหาร เมื่อลูกอ๊อดอายุ 4 วัน เริ่มให้ไข่แดงต้มสุก บดให้ละเอียด วันละ 1 ครั้งในตอนเช้า ประมาณ 1/4 ฟอง ต่ออ่าง เมื่อลูกอ๊อดอายุ 7 วัน เริ่มให้อาหารปลาดุกเล็กโปรตีน 32% 100 กรัมต่ออ่าง ให้วันละ 1 ครั้ง จนลูกอ๊อดอายุประมาณ 45 วัน หางลูกอ๊อดเริ่มหลุด หลังจากลูกอ๊อดหางหลุด อึ่งจะพัฒนาเหมือนตัวเต็มวัย และจะออกจากอ่าง ลงบนพื้นทราบในบ่อประมาณ 3 วัน อึ่งจะฝังตัวในทรายบนพื้นบ่อ กรณี ให้อาหารเสริม เช่นปลวก และแมลง ให้เปิดสปริงเกอร์วันละ 1 ครั้ง และเปิดไฟล่อแมลงในบ่อตอนกลางคืน
วิธีการจับอึ่งจากการเพาะเลี้ยง
– โดยการนำแผ่นสังกะสีวางบนหลังคาที่คลุมด้วย สแลนต์แล้วจึงใช้น้ำฉีดที่แผ่นสังกะสี(เป็นการเลียนแบบฝนตก) อึ่งเผ้าที่ฝังตัวอยู่ในทรายจะออกมา
– ปล่อยให้น้ำท่วมพื้นบ่อ อึ่งจะขึ้นมาบริเวณผิวน้ำสามารถคัดขนาดได้ตามต้องการ
ขอบคุณที่มา : https://www.kasetnana.com/

635
การมีบ้านหลังเล็กๆท่ามกลางธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งความใฝ่ฝันของใครหลายๆคนที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ อยู่แบบเรียบง่ายพอเพียง และสร้างมุมพักผ่อนนอกบ้าน แบบบ้านที่เรานำมาให้ชมวันนี้เป็นบ้านหลังเล็ก ออกแบบก่อสร้างริมสระน้ำกลางทุ่งนา ได้รับการเผยแพร่จากเฟซบุ๊กคุณ Rung Prasertkul ซึ่งได้แชร์เอาไว้ให้เพื่อนๆชมกันเป็นแรงบันดาลใจและไอเดียในการสร้างบ้าน
สำหรับบ้านหลังนี่เป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูง โครงสร้างไม้ เสาปูนต่อด้านบนด้วยเสาไม้ ลงเสาเข็มยาว 6 เมตร แต่ตอกลงไปไม่สุด ให้โผล่เป็นเสารับตัวบ้าน หลังคาทรงจั่ว มุงด้วยกระเบื้องลอนคู่ ต่อเติมหลังคายื่นออกมาทางด้านข้างตรงระเบียง สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน ทำกิจกรรมต่างๆ ตัวบ้านออกแบบให้มีทั้งระเบียงไม่มีหลังคาและระเบียงมีหลังคา ทำม้านั่งรอบๆไว้นั่งเล่น และชมวิวสวยๆของธรรมชาติกลางทุ่งนา
ขนาดตัวห้อง 2.5*3 เมตร ระเบียงหน้า 1.20 เมตร ระเบียงข้าง 1.50 เมตร หน้าต่างบานกระทุ้งออก 2 ด้าน มีประตูทางเข้าออก 2 ด้าน ด้านหน้า-ด้านข้างระเบียง ซึ่งเสาเข็มเจ้าของบ้านเป็นคนออกเสาต้นละ 400-500 บาทโดยประมาณ จ้างแม็คโครกดใช้เสาไอ 6 เมตร(ตอนกดเสาเข็มไม่ต้องสูบน้ำออกเลย) ค่าจ้างแม็คโครคิดชั่วโมงละ 1,500 บาท บ้านหลังนี้ไม่รวมเสาเข็มและค่ากดเสา อยู่ที่ 260,000 บาท มีสะพานเล็กอีก แต่ไม่มีห้องน้ำ ซึ่งใช้ห้องน้ำของบ้านอีกหลัง
จะเห็นได้ว่า เป็นอีกแบบไอเดียบ้านหลังน้อยกลางทุ่งนา มีโครงสร้างกะทัดรัด เน้นดีไซน์น่ารัก เข้ากับบรรยากาศของธรรมชาติ ซึ่งตอนนี้เจ้าของบ้านได้เอาไว้พักผ่อน ในอนาคตอาจจะเปิดเป็นร้านกาแฟได้ ต้องขอขอบคุณเจ้าของบ้านที่ได้แบ่งปันไอเดียบ้านสวยๆให้เราได้รับชมกันนะคะ
ขอบคุณข้อมูล facebook : Rung Prasertkul

636

“หนานเฉาเหว่ย” มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ถูกนำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ในประเทศไทยนานหลายปีแล้ว นิยมปลูกเฉพาะตามสวนสมุนไพรจีนและสวนสมุนไพรไทยเพื่อใช้ประโยชน์เป็นยา โดยใบสดของ หนานเฉาเหว่ย มีรสขมจัด เมื่อเคี้ยวกินสดตอนแรกจะขมในปากมาก แต่พอกินไปได้สักพักจะรู้สึกว่ามีรสหวานในปากและลำคอ หนานเฉาเหว่ย เป็นไม้ยืนต้น สูง 6-8 เมตร
(สรรพคุณทางยา ประโยชน์ของการกินใบหนานเฉาเหว่ย)1 ต่อต้านโรคเก๊าต์ 2 ต่อต้านโรคเบาหวาน 3 รักษาโรคความดันต่ำ “ไม่เหมาะสำหรับความดันสูง” 4 เพิ่มสมรรถนะทางเพศ 5 รักษาหูด กินใบแล้วประมาณ1เดือน หูดจะเป็นสะเก็ดร่อน และเกิดอาการคัน บริเวณที่เป็นหูด เมื่อเกาหูดก็จะหลุดออกมา และอาจขึ้นซ้ำที่เดิมอีก แต่ขนาดจะเล็กลงเรื่อยๆ และก็จะเกิดอาการคันและเกาหลุดออกมาอีก จนในที่สุดหูดก็จะหายไปจนหมดนั่นเอง
6 ป้องกันมะเร็ง ถ้าเป็นมะเร็งก็จะยุบและฝ่อ หายได้ในที่สุด 7 แก้โรคไขมันสูง 8 ลดความอ้วน น้ำหนักลด กล้ามเนื้อกระชับ 9 แก้อาการปวดข้อ และ ปวดเมื่อยตามร่างกาย 10 รักษาริดสีดวง กินใบไม่กี่วันริดสีดวงจะยุบและหายไปในที่สุด 11 รักษาโรคไทรอยด์ต่ำ ไม่เหมาะกับโรคไทรอยด์สูง 12 รักษาโรคใจสั่น เหมาะกับคนหัวใจเต้นช้า ไม่เหมาะกับคนที่หัวใจเต้นเร็ว เพราะใบหนานเฉาเหว่ยทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น 13 ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย 14 รักษาเนื้องอก ถ้ากินใบเป็นประจำจะทำให้เนื้องอกยุบและหายไปในที่สุด
ตามตำรายาจีน กล่าวว่า สามารถช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดเบาหวาน และ ช่วยเรื่องโรคเกาต์สำหรับท่านใดที่ต้องการกินหนานเฉาเหว่ยเป็นประจำทุกวัน ให้กินแค่ช่วงสัปดาห์แรกเท่านั้นที่อาจจะกินทุกวัน หลังจากนั้นค่อย ๆ ลดการกินหนานเฉาเหว่ยลงทีละน้อย หรือ กินแบบหลายวันครั้งก็ได้ เพื่อควบคุมอาการของโรค เพราะถ้าหากกินมากไปจะทำให้น้ำตาลในเลือดลดมาก จนส่งผลเสียต่อสุขภาพแทน การทานหนานเฉาเหว่ยแบบง่าย ๆ แม้จะมีรสขม ให้ใช้วิธีการดื่มแทน นำใบสดของหนานเฉาเหว่ยมาล้างให้สะอาด ประมาณ 5-6 ใบ ต้มกับน้ำให้เดือด หลังจากนั้นทิ้งไว้สักพักให้น้ำอุ่นขึ้น แล้วดื่มปกติเหมือนการดื่มน้ำหรือดื่มชา อาจจะมีรสขมบ้าง แต่หลังจากนั้นจะรู้สึกถึงรสหวาน หรือ ถ้าใครต้องการทานหนานเฉาเหว่ยแบบสด ๆ

ให้ม้วนใบหนานเฉาเหว่ยเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วเคี้ยวใบหนานเฉาเหว่ยบริเวณกระพุ้งแก้ม เพื่อไม่ให้โดนลิ้นมากเกินไป ก็จะช่วยลดรสขมของหนานเฉาเหว่ยได้ สำหรับการรักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายด้วยหนานเฉาเหว่ย วิธีการกินจะคล้าย ๆ กัน คือ นำใบหนานเฉาเหว่ยมาล้างทำความสะอาด และ กินใบหนานเฉาเหว่ยแบบสด ๆ แต่ในกรณีนี้เราจะใช้ใบหนานเฉาเหว่ยเพียง 1-2 ใบเท่านั้น หลังจากกินใบหนานเฉาเหว่ย ประมาณ 1 สัปดาห์ อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นปวดเข่า หรือ ปวดข้อ จะค่อย ๆ ดีขึ้น ประโยชน์ทางยา ใบสดหนานเฉาเหว่ย ตามตำราจีนระบุว่า เป็นยาช่วยลดน้ำตาลในเลือดหรือโรคเบาหวาน โรคเก๊าต์ ลดความดันโลหิตสูง ให้นำใบสด 5-7 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ต้มด้วยไฟปานกลาง 15 20 นาที แล้วดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ
หรือครึ่งแก้วน้ำดื่ม วันละ 2 เวลา ก่อนอาหารเช้า-เย็น ประมาณ 1 สัปดาห์ อาการที่เป็นจะดีขึ้น หลังจากนั้นดื่มบ้างหยุดบ้างเพื่อควบคุมอาการไว้ ไม่จำเป็นต้องกินติดต่อกันเป็นประจำ เพราะหากน้ำตาลในเลือดลดมากเกินไปจะมีอาการวูบได้ ไม่แนะนำให้รับประทานต่อเนื่องนานๆ แต่ควรมีช่วงหยุดพักยาบ้าง เนื่องจากไม่มีข้อมูลความปลอดภัยในระยะยาว เช่น กินวันเว้นวัน หรือ 10 วัน เว้นพัก 3 วัน รักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อ เนื่องจากทำงานหนักหรือยืนเป็นเวลานาน ไม่ใช่เกิดจากกระดูกเสื่อม ให้เอาใบสดของหนานเฉาเหว่ย 1-2 ใบ ล้างน้ำให้สะอาดแล้วเคี้ยวกินสดๆ วันละ 1-2 ใบ ประมาณ 1 สัปดาห์ อาการปวดเมื่อยจะดีขึ้น

637


รปภ เฝ้าโรงงานมา 35 ปี รู้สึกเอะใจ จึงเดินเข้าไปตรวจ

ชายคน หนึ่งทำงานที่โรงงานผลิตเนื้อสัตว์แปรรูป วันหนึ่งหลังเลิกงาน เขาเข้าไปในห้องเย็นแช่แข็งเพื่อเข้าไปดูความเรียบร้อยอะไรบางอย่าง ด้วยความโชคร้ า ย ประตูห้องเย็นปิด และ เขาถูกขังอยู่ภายใน ถึงแม้ว่าเขาจะตะโกนและเคาะประตู ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา คนงานส่วนใหญ่กลับบ้านไปแล้ว

5 ชม.ต่อมา ขณะที่เขาเริ่มหมดหวังและนอนรอความต า ย พนักงานรั กษ าความปลอดภัยของบริษัทได้เปิดประตูมาช่วยเขาได้ทัน เขาถามผู้มาช่วยเหลือว่า ทำไมถึงมาเปิดประตูให้เขาได้

พนักงานผู้ นั้นตอบว่า “ผมทำงานโรงงานนี้มา 35 ปีแล้ว พนักงานหลายร้อยคนเข้าและออกโรงงานทุกวัน คนส่วนใหญ่มองผมเหมือนไม่มีตัวตน แต่คุณเป็นหนึ่งไม่กี่คนที่ทักทายผมทุกวันในตอนเช้า กล่าวลาผมตอนกลับบ้าน แล้วพูดว่า พบกันใหม่พรุ่งนี้

ผมมีความสุข ที่ได้รับคำทักทายทุกวัน เพราะคุณทำให้ผมรู้สึกว่าฉันมีตัวตน และวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ได้ทักทายในตอนเช้า แต่จนดึกแล้วผมก็ยังไม่ได้ยินเสียงกล่าวลาของคุณ ผมรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ จึงตามหาตามที่ต่าง จนกระทั่งได้พบคุณในที่สุดครับ”

บทเรียนสำคัญจากเรื่องนี้

จงอ่อนน้อม ถ่อมตัว ให้ความรัก ความนับถือกับผู้คนรอบตัวคุณ เพราะว่า ชีวิตนี้สั้นนัก สิ่งที่เรากระทำอาจมีผลต่อผู้คนเหล่านั้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งโดยที่เราอาจคาดไม่ถึง

เมื่อคุณอ่านจบลง 1 แ ช ร์ ได้เท่ากับ 1 ธรรมทๅน เ ตื อ น สติกันว่า ความอ่อนน้อม ถ่อมตัว นั้น มีค่า ไหน และจงอ ย่ า ดู ถูก เ ห ยี ย ด ห ย ามผู้อื่น

ขอบคุณรูปภาพเละบทความดีๆจาก http://www.foryou2.net/


638

หากเอ่ยถึงผลไม้โปรดของคนไทย “กล้วย” น่าจะติดท็อปอันดับต้น ๆ เพราะอร่อย หาง่าย ราคาไม่แพง แถมประโยชน์เพียบ ฉะนั้นถ้าหากคนรักการปลูกผักจัดสวนคนไหนเกิดปิ๊งไอเดียอยากปลูกกล้วยไว้กินเองที่บ้าน หรือปลูกไว้ขายทำรายได้ดีละก็ สำหรับวันนี้น้องวุ้งก็มีวิ ธีกาsปลูกกล้วยมาฝากกัน ใครที่กำลังมีความสนใจด้านกาsปลูกกล้วย ลองมาดูเ ท ค นิ คที่เรานำมาฝากในวันนี้กันดู จะ เ ป็ น อ ย่ างไรนั้นเราไปดูพร้อมๆกันเลย

มีหล า ยคนหัน มาปลูกกล้วยกันเยอะเพราะต ล า ดกล้วยนั้นค่อนข้างก ว้างและหลากหล า ย กล้วยสามารถขายได้ทั้งผล ใบ หน่อ ลำต้น เลย ทุกอ ย่ า ง เ ป็ น เงินห ม ดหากเราหาตลาดเจอ
และถ้ายิ่ง เ ป็ น กล้วยใบด่างยิ่งเพิ่มมูลค่าไปอีกหล า ยเ ท่ า ตั ว เลย สำหรับใครที่อ ย า กจะปลูกกล้วยให้ต้นสมบูรณ์เ ตี้ ย โคนใหญ่ ให้ผลผลิตดี วันนี้เรามีเ ค ล็ ด ลั บดี ๆ ในกาsปลูกมาแนะนำ
 
และถ้ายิ่ง เ ป็ น กล้วยใบด่างยิ่งเพิ่มมูลค่าไปอีกหล า ยเ ท่ า ตั ว เลย สำหรับใครที่อ ย า กจะปลูกกล้วยให้ต้นสมบูรณ์เ ตี้ ย โคนใหญ่ ให้ผลผลิตดี วันนี้เรามีเ ค ล็ ด ลั บดี ๆ ในกาsปลูกมาแนะนำ
ภาพประกอบบทความจาก google.com
 
อันดับแรกเลยให้ทำกาsกลบโคนหลังกาsปลูก โดยกลบกล้วยที่มีอ า ยุ 2 เดือนและ 4 เดือนโดยประมาณ หากพบว่า ต้นไหนแตกหน่อออ กมาก็ให้ตัดทิ้งไปได้เลย

สำหรับดินที่เราจะนำมากลิบนั้นให้ เ ป็ น ดินบริเวณรอบ ๆ นั่นเอง กลบไปประมาณ 80 – 100 เซนติเมตร
กาsทำแบบนี้อาจจะไปโ ด นร า กแต่ก็ไม่ เ ป็ น ไรเดี๋ยวงอ กใหม่ เ ป็ น วิ ธีกระตุ้นให้กล้วยแ ท งร า กใ ห ม่มาได้เสมอ ตรงโคนต้นจะมีร า กใหม่เพราะว่าตรงนั้นจะมืดเลยต้องพย าย ามแ ท ง ร า กออ กมานั่นเอง แล ะรา กที่มีจะใหญ่ขึ้นด้วย เพียงเท่านี้เราก็จะได้ต้นกล้วยที่มีโคนใหญ่แข็งแ ร งต้นสมบูรณ์ เ ป็ น กล้วยต้นเตี้ยที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อ ย่ า ง ง่ า ยดายแล้ว


ภาพประกอบบทความจาก google.com
เรื่องน่ารู้ของกล้วยที่น้องวุ้งเรียบเรียงมาได้
กล้วย (Banana) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Musa sapientum Linn. เป็นผลไม้ยอดนิยมของคนไทย และเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ ถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว พม่า เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มีวิวัฒนาการมานานถึง 50 ล้านปีแล้ว ปัจจุบันแพร่กระจายไปทั่วโลก โดยประเทศอินเดียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ปลูกกล้วยมากที่สุดในโลก
สาย พั น ธุ์ กล้วยยอดนิยมที่พบเห็นได้บ่อยในเมืองไทย มีดังนี้
– กล้วยไข่
เป็นกล้วยยอดนิยมอันดับต้น ๆ ในไทย แถมยังส่งออกต่างประเทศเยอะด้วย ลักษณะลำต้นเป็นทรงเพรียวสูง ส่วนผลเป็นทรงกลม ขนาดเล็กและสั้น เปลือกบาง ออกดกมาก รสชาติหวาน กลิ่นหอม อร่อย และเนื้อเหนียวแน่น

– กล้วยหอม
เป็นกล้วยที่คนไทยชอบกินมาก แถมส่งออกต่างประเทศเพียบ ลักษณะลำต้นสูงเพรียว ใบตั้งตรง ให้ผลดก ขนาดใหญ่และยาว เนื้อเหนียวนุ่ม รสชาติหวาน และมีกลิ่นหอม อร่อย

– กล้วยน้ำว้า
เป็นกล้วยที่คนไทยนิยมนำส่วนต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ ทั้งผล ใบตอง และหยวก ลักษณะลำต้นค่อนข้างใหญ่ ใบใหญ่ ผลใหญ่ อวบ ออกดก ตอนดิบเป็นทรงเหลี่ยม ตอนสุกเป็นทรงค่อนข้างกลม
ภาพประกอบบทความจาก google.com
– กล้วยเล็บมือนาง
เป็นกล้วยท้องถิ่นของภาคใต้ ลักษณะลำต้นเล็กแต่สูง ให้ผลดก มีหวีเยอะ โดยผลจะมีขนาดค่อนข้างเล็กและเพรียว 
จากรายชื่อกล้วยทั้งหมดนี้ น้องวุ้งชอบกินกล้วยหอมที่สุด แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ ชอบกินกล้วยชนิดไหน

เรียบเรียงโดย สังคมออนไลน์

หน้า: 1 ... 41 42 [43]